แม่หลวงกุ้ง เปิดใจ ชีวิตหลังลาออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน






แม่หลวงกุ้ง หรือ กุ้ง สุพัตรวี เจ้าของฉายา ผู้ใหญ่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศไทย เปิดใจถึงเรื่องราวชีวิตหลังการลาออกจากตำแหน่งผู้ใหญ่บ้าน

              กลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืน หลังมีการเผยแพร่ภาพและประวัติของ กุ้ง สุพัตรวี อยู่แพทย์ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6 ต.หนองหอย อ.เมือง จ.เชียงใหม่ วัย 35 ปี ทำให้หลายคนให้ความสนใจเธออย่างมาก จนต้องยกฉายาให้ แม่หลวงกุ้ง กลายเป็น ผู้ใหญ่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศไทย ซึ่งเจ้าตัวก็ออกมาเผยถึงฉายาที่ได้รับว่า ตอนแรกก็ตกใจกับข่าวที่เกิดขึ้น ต่อมาก็มีคนเข้ามาทักทายเป็นประจำหลังเป็นข่าว อย่างไรก็ตาม แม่หลวงกุ้ง บอกว่าอยากให้มองในความสามารถเรื่องการทำงานมากกว่าความสวยความงามของเธอ ก่อนที่จะกลายเป็นข่าวช็อก เมื่อ แม่หลวงกุ้ง ได้ยื่นใบลาออกจบชีวิตข้าราชการด้วยปัญหาที่เธอไม่ขอพูดถึง

              ล่าสุด (13 พฤษภาคม 2558) กุ้ง สุพัตรวี ได้ออกมาเปิดเผยถึงชีวิตหลังลาออกจากตำแหน่งว่า  หลังการลาออกนั้นไม่ได้มีผลอะไรกับสภาพจิตใจของเธอ เพราะเธอไม่ได้รู้สึกไม่ดีที่ไม่มีตำแหน่ง ไม่ได้รู้สึกแย่ที่ไม่ได้มีขีดบนบ่า และอยากขอขอบพระคุณพี่ ๆ น้อง ๆ ทุกท่าน สำหรับกำลังใจที่เข้มแข็ง ถึงแม้จะไม่มีตำแหน่งใด ๆ แล้ว แต่ก็จะขอทำงานอาสาต่าง ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ ที่เธอบอกว่าการลาออกไม่ได้มีผลต่อจิตใจนั้น เป็นเพราะการลงสมัครเลือกตั้งผู้ใหญ่บ้านของเธอนั้นมาจากใจอาสา อยากจะทำงานให้หมู่บ้านที่เธออยู่ได้พัฒนาและเจริญขึ้น คิดว่าเป็นเหมือนงานอาสาสมัครอย่างหนึ่ง ไม่ได้มองว่าเป็น นักการเมือง หรือข้าราชการ

พร้อมเล่าถึงการหาเสียงเลือกตั้งของเธอก่อนที่จะได้รับ เลือกให้เป็นผู้ใหญ่บ้านว่า การหาเสียงของเธอเป็นเรื่องตลกมาก เพราะไม่มีงบหาเสียงเป็นของตัวเอง ไม่มีงบใบปลิว สิ่งที่ได้คือ พี่ ๆ น้อง ๆ บางท่านช่วยกันระดมเงินแล้วนำมาให้ อยู่ ๆ เราก็มีรถขยายเสียงเป็นของเราเอง งบหาเสียงของเราจริง ๆ มีแค่รองเท้าผ้าใบ 1 คู่ กระเป๋าเป้สำหรับใส่ใบปลิวหาเสียง 1 อัน หน้าร้อนก็มีหมวกมีร่ม หาเสียงอยู่ประมาณ 10 วัน และไม่ได้คาดหวังอะไร เพราะไม่มีความพร้อมด้านวุฒิการศึกษา วัยวุฒิก็น้อย และมีหลายคนบอกว่าเป็นผู้หญิงไม่เหมาะกับงานแบบนี้ ก่อนที่เธอได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ใหญ่บ้านคนที่ 4

              วันนี้ ถึงแม้ว่าแม่หลวงกุ้งจะลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว ไม่มีเครื่องแบบ แต่เธอก็ยังคงทำงานช่วยเหลือสังคมอยู่ และกลับมาทำงานฟรีแลนซ์ประสานงานซึ่งเป็นงานเดิมที่เธอเคยทำ แต่ก็ยังคงหาเวลาไปทำงานอาสาสมัครสาธารณสุข อสม. เหมือนอย่างที่เคยทำมาตลอด 











Previous
Next Post »