ฝ้าขาวที่ลิ้น อาการที่เมื่อใครเป็นแล้วก็มักจะตกอกตกใจกันไปมากมายว่านี่เป็นสัญญาณของ โรคภัยไข้เจ็บอะไรหรือเปล่า บางคนถึงกับกังวลจนต้องไปพาหมอฟัน กลัวว่าจะเกิดการติดเชื้ออันตราย แต่จริง ๆ แล้ว ฝ้าที่ลิ้นนั้นไม่ใช่เรื่องน่าอันตรายมากขนาดนั้นค่ะ ไม่จำเป็นต้องไปพบแพทย์ก็สามารถหายได้เองภายในไม่กี่วัน แต่ก่อนอื่นเราไปดูกันหน่อยดีกว่าว่าเจ้าฝ้าที่ลิ้นนี่คืออะไรกันแน่ แล้วเป็นอันตรายต่อสุขภาพช่องปากหรือเปล่า ?
ลิ้นเป็นฝ้า คืออะไร
ลิ้นเป็นฝ้า เกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย ลิ้นเป็นฝ้าขาวมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า "ลิ้นเป็นขน"
สาเหตุเกิดจากสารเคอราตินที่ผลิตจากปุ่มเนื้อบนลิ้นก่อตัวสะสมหนาขึ้นจน ทำให้เห็นเป็นฝ้าขาว ซึ่งโดยปกติแล้วสารเคอราตินนี้ ปุ่มเนื้อบนลิ้นสร้างขึ้นเพื่อป้องกันและลดการระคายเคืองจากอาหารและสิ่ง ต่าง ๆ ที่เข้าไปในปาก แต่ถ้าหากทำความสะอาดไม่ดีพอ สารเคอราตินเหล่านี้ก็จะเกาะสะสมอยู่บนลิ้นและอาจจะทำให้เกิดเชื้อราบน เคอราตินได้เช่นกัน
ทั้งนี้ปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้าบนลิ้นก็ได้แก่สิ่งที่เราบริโภคเข้าไปทางปาก เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก ยา ลูกอม เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน บุหรี่ หรือแม้แต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถทำให้เกิดสีของฝ้าได้แตกต่างกันไป แต่ที่มักจะเห็นได้บ่อยคือ สีดำ น้ำตาล เหลือง เขียว ส้ม ชมพู
โดยเฉพาะสีขาวจะพบได้บ่อยที่สุด อาการของลิ้นเป็นฝ้าไม่ส่งผลอันตรายใด ๆ ต่อร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ แต่อย่างใด แม้แต่มะเร็ง ยกเว้นแต่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดกลิ่นปาก ซึ่งถ้าหากเกิดอาการแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปพบแพทย์แต่อย่างใด เว้นแต่มีอาการร่วมกับแผลในปาก หรือลิ้นบวมแดง เจ็บบริเวณลิ้น ควรจะไปพบแพทย์เพราะนั่นคืออาการของการติดเชื้อ จำเป็นต้องตรวจเพื่อวินิจฉัยสาเหตุที่แน่นอนอีกครั้ง
วิธีรักษาลิ้นเป็นฝ้าขาว
วิธีรักษาอาการลิ้นเป็นฝ้าโดยปกติแล้วอาการนี้ก็สามารถหายเองได้ตาม ธรรมชาติ แต่ถ้าหากต้องการให้หายได้เร็วขึ้นก็สามารถรักษาได้ด้วยวิธีเหล่านี้
1. รับประทานกระเทียม
ในกรณีที่ลิ้นที่เป็นฝ้าขาวนั้นเกิดจากเชื้อรานั้น วิธีรักษาแบบธรรมชาติสุด ๆ ก็คือการรับประทานกระเทียม เพราะในกระเทียมนั้นมีสารที่ช่วยในการกำจัดเชื้อราได้ แค่เพียงรับประทานกระเทียมสดให้บ่อยขึ้น เชื้อราเหล่านั้นก็จะลดลง และที่สำคัญ ห้ามใช้ที่ขูดลิ้นหรือแปรงสีฟันเพื่อทำความสะอาดฝ้าที่ลิ้นที่เกิดจากเชื้อ ราเด็ดขาดเพราะอาจจะทำให้เจ็บและเลือดออกได้ง่ายค่ะ
2. ใช้สะเดา
สะเดาเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์มากมาย แม้ว่าจะมีรสขมและกลิ่นฉุนไปหน่อย แต่ก็สามารถช่วยรักษาฝ้าที่ลิ้นได้ แค่เพียงนำใบสะเดา 1 ช้อนโต๊ะ ชงกับน้ำร้อน 1 แก้วทิ้งไว้ให้เย็นแล้วนำมาบ้วนเป็นน้ำยาบ้วนปาก ห้ามผสมสารให้ความหวานใด ๆ เด็ดขาดค่ะ
3. ใช้ว่านหางจระเข้
หากต้องการรักษาฝ้าขาวที่ลิ้นด้วยสมุนไพรละก็ขอแนะนำสมุนไพรมากคุณ ประโยชน์อีกชนิดหนึ่งก็คือ ว่านหางจระเข้ โดยการนำว่านหางจระเข้ไปคั้นเอาแต่น้ำ แล้วนำมาบ้วนปากครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ และดื่มน้ำว่านหางจระเข้อีก 1 ช้อนโต๊ะ ทำซ้ำทุกวันติดต่อกัน 2 สัปดาห์จะช่วยให้สารพิษต่าง ๆ ที่เป็นสาเหตุของฝ้าขาวที่ลิ้นหมดไปค่ะ แถมยังดีต่อระบบขับถ่ายอีกด้วย
4. ใช้ขมิ้นพอกลิ้น
ขมิ้นเป็นสมุนไพรอีกชนิดที่สามารถนำมาขจัดฝ้าขาวที่ลิ้นได้ เพราะขมิ้นมีฤทธิ์ในการช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย วิธีทำก็ไม่ยากเพียงนำผงขมิ้นผสมกับน้ำมะนาวเป็นเนื้อครีม แล้วพอกที่ลิ้นสักครู่ จากนั้นล้างออกด้วยน้ำอุ่น ทำอย่างน้อยวันละครั้งทุกวันจนฝ้าขาวที่ลิ้นหมดไป หลังจากนั้นนำผงขมิ้นผสมกับน้ำอุ่นใช้บ้วนปากวันละ 1-2 ครั้งก็จะดีต่อสุขภาพลิ้น
5. ปรับเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิต
นี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยล่ะค่ะเพราะถึงแม้เราจะสามารถรักษาฝ้าขาว ที่ลิ้นให้หมดไปได้ แต่ถ้าหากเรายังบริโภคสิ่งเดิม ๆ ในอนาคตลิ้นก็จะกลับมามีฝ้าขาวสะสมอีกแน่นอนค่ะ โดยเฉพาะพวกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ ควรลด ละ เลิก นอกจากนี้ยังควรจะหมั่นแปรงฟันให้สะอาดด้วยค่ะ
วิธีป้องกันฝ้าขาวที่ลิ้น
เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดฝ้าขาวที่ลิ้นได้หลากหลายวิธีได้แก่การแปรง ลิ้นทุกครั้งเวลาที่แปรงฟัน หรือใช้ที่ขูดลิ้นทุกครั้งหลังจากแปรงฟันเสร็จ วิธีนี้นอกจากจะช่วยขจัดฝ้าที่ลิ้นได้แล้วก็ยังสามารถป้องกันไม่ให้เกิดฝ้า ขาวที่ลิ้นซ้ำได้
แต่ทั้งนี้ก็ควรที่จะกำจัดสาเหตุของฝ้าที่ลิ้นร่วมกันไปด้วย เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มชาและกาแฟร้อน รวมทั้งอาหารร้อนจัด แม้แต่การรับประทานยาบางชนิดเป็นประจำ อย่างเช่น ยาในกลุ่มยาปฏิชีวนะ การใช้น้ำยาบ้วนปาก รวมทั้งการรับประทานอาหารอ่อน ๆ ที่ไม่ต้องเคี้ยว หากเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ การเกิดฝ้าขาวที่ลิ้นก็จะลดลงตามไปด้วยค่ะ
เห็นไหมล่ะว่าไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะขจัดเจ้าฝ้าขาว ๆ ที่อยู่บนลิ้นให้หมดไป แถมแต่ละวิธีก็ยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย แต่ก็อย่ามัวแต่ทำความสะอาดลิ้นจนลืมแปรงฟันให้สะอาดละ เพราะสุขภาพฟันก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ดูแลควบคู่กันไปให้สะอาดทั้งลิ้นและฟันดีที่สุดค่ะ
ขอขอบคุณสำหรับเนื้อหาจาก : kapook.com