- พื้นที่สำหรับปลูกผักหวาน 8,000 ต้น
- พื้นที่สำหรับปลูกผักเหลียง 100 ต้น
- พื้นที่สำหรับปลูกผักชะอม 3,000 ต้น
- พื้นที่สำหรับปลูกใบเตยหอม 300 ต้น
- พื้นที่สำหรับปลูกเสม็ดชุม 200 ต้น
- พื้นที่สำหรับปลูกมะกอกป่า 100 ต้น
- พื้นที่สำหรับปลูกมะตูมหอม 100 ต้น
- พื้นที่สำหรับปลูกต้นมันปู 20 ต้น
- พื้นที่สำหรับปลูกต้นจิกนา 100 ต้น
- พื้นที่สำหรับปลูกต้นชะมวง 400 ต้น
- พื้นที่สำหรับปลูกต้นมะนาว 400 ต้น
- พื้นที่สำหรับปลูกต้นฝรั่ง 120 ต้น
- พื้นที่สำหรับปลูกต้นทุเรียน 120 ต้น
เป็นการใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าสุดๆทุกตารางนิ้วจริงๆครับ การที่จะปลูกให้ได้แบบนี้ คุณรักษ์เลือกใช้วิธีการปลูกผักแซมกับไม้ผลยืนต้นที่ต้องใช้พื้นที่ค่อนข้าง เยอะทำให้สามารถปลูกผักได้อีกหลายชนิด ซึ่งรายได้ของการทำสวนแบบนี้จะมาจากสามส่วนคือ 1. รายได้รายวันจากการขายผัก 2.รายได้ระยะยาวจากไม้ผลยืนต้น 3. รายได้จากการขยายพันธุ์ขาย(การตอนกิ่งขาย) ทำให้สามารถมีรายได้ตลอดทั้งปี(ทุกวัน)
ส่วนของรายได้หลักจากการทำสวนในพื้นที่ 5 ไร่ ไม่มากไม่น้อย
- เก็บผักขายได้ประมาณวันละ 1,000 บาท (360,000 ต่อปี)
- เก็บมะนาวและฝรั่งอาทิตย์ละ 5,000 บาท ทุกๆ 4 เดือน (ไม่ค่อยแน่ใจ 15,000 ต่อปี )
- ขายปลาได้ครั้งละประมาณ 50,000 บาท(2 ครั้งต่อปี 100,000 บาทต่อปี )
- ชำกิ่งมะนาวและกิ่งฝรั่งไปขายที่ตลาดนัดได้เดือนละประมาณ 30,000 บาท (360,000 ต่อปี)
- ซื้อกิ่งมะนาวและกิ่งฝรั่งจากพ่อค้าไปขายต่อทุกๆ 45 วันอีกครั้งละ 80,000 บาท (480,000 ต่อปี)
- ยังไม่รวมไม้ผลอื่นๆที่รอวันให้ผลผลิตตามมากอีกหลายอย่าง
- ส่วนเรื่องการขายถ้าเป็นพวกผักไม่ต้องไปขายเอง มีพ่อค้าแม่ค้ามารับถึงสวนเลย เพราะผักของคุณรักษ์เป็นการทำเกษตรอินทรีย์ชีวภาพจึงมีลูกค้ารอจับจองเพียบ ครับ รวมๆแล้ว บวกลบนิดหน่อยยังไงก็เกิน 1,000,000 ต่อปีครับ
เห็นแบบนี้แล้วพนักงานออฟฟิศลูกชาวนาอย่างผมนิขึ้นเลย ก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ลองลงมือทำกับเขาบ้างครับ และการทำเกษตรแบบนี้ ผมว่าผู้อ่านหลายๆคนอาจคุ้นๆกับวิธีการปลูกนะครับ ถูกแล้วครับปรัชญาเกษตรพอเพียงของพ่อหลวงของเรานั่นเอง เพียงแค่เรียนรุ้อย่างเข้าใจ ลงมือทำ(ทันที เดี๋ยวนี้) และวางแผนอย่างรัดกุม ก็จะเจอหนทางสว่างเองครับ
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : www.life.ac.th และ www.oknation.net
ที่มา: KodLikes