วันอาทิตย์สุดสัปดาห์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2528 โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ริมถนนวิภาวดี-รังสิต ใกล้เชิงสะพานทางด่วนดินแดง ได้จัดกิจกรรมวัน "ทหารผ่านศึก" ผู้คนมากมายเดินทางมาร่วมงาน และกำลังเพลิดเพลินกับ กิจกรรมที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้ เสียงพูดคุยจอแจดังเซ็งแซ่ไปทั้งงาน แต่แล้วจู่ๆ เสียงหนึ่งที่บ่งบอกถึงความตระหนกสุดขีดก็ดังแทรกเข้ามา
"เพชร เพชร เพชร ได้ยินแม่ไหม ?"
"ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที เพชร ตกลงไปในเสาเข็ม !!!"
"เพชร เพชร เพชร ได้ยินแม่ไหม ?"
"ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที เพชร ตกลงไปในเสาเข็ม !!!"
ขณะนั้นเป็นเวลา 08.05 น.เสียงนางสมภาร บุญน้อย คนงานก่อสร้างดังขึ้นหลังกลับ จากซื้อกับข้าวในตลาดและพบว่า "สร้อยเพชร" ลูกสาววัยกำลังน่ารักน่าชังที่ฝากให้นางสมจิต รพี่สาวดูแลชั่วคราวเกิดพลัดตกลงไปค้างอยู่ก้นรูเสาเข็ม ฐานรากอาคาร 9 ชั้นหลังใหม่ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก ซึ่งก็คือ "อาคารเวชศาสตร์ฟื้นฟูและออร์โธปิดิคส์"
ในปัจจุบันรูเสาเข็มกว้างประมาณ 20 เซนติเมตร แต่ลึกถึง 24 เมตร ด้วยความกว้างของปากรูขนาดนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเด็กจะพลัดตกลงไปได้ แต่เหตุการณ์ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว เสียงร้องขอความช่วยเหลือสลับกับ เสียงตะโกนเรียกลูกสาวดังก้องไปทั่วบริเวณ ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงทีมงานช่วยชีวิต ซึ่งประกอบด้วย ตำรวจท้องที่ หน่วยบรรเทาสาธารณะภัย และคณะแพทย์จากโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ก็พร้อมให้การช่วยเหลือ
บรรดาไทยมุงซึ่งส่วนใหญ่ก็คือคนที่มาร่วมงานวันทหารผ่านศึก เมื่อข่าวแพร่กระจายไปมีประชาชน ที่สนใจใคร่รู้แห่เข้ามามุงดูจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเจ้าหน้าที่ต้องกันออกไปเพื่อการช่วยเหลือจะได้ดำเนินไปอย่างสะดวกคล่องตัว
เชือกที่หย่อนลงไปวัดระยะที่เด็กหญิงเคราะห์ร้ายติดอยู่ทำให้ทีมงานช่วยชีวิตรับรู้ได้ว่า "น้องสร้อยเพชร" ติดอยู่ที่ความลึกประมาณ 14 เมตร หรือ เลยจุดกึ่งกลางของความลึกทั้งหมด
เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ด้วยความแคบของรูและ ความลึกระดับ 14 เมตร คณะแพทย์มีความเห็นว่า หากปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไปออกซิเจนในรูเสาเข็มจะค่อยๆ หมดไป นั่นหมายถึงชีวิตน้อยๆ ของเด็กวัย 1 ปี 4 เดือนก็จะจบลงตามไปด้วย ดังนั้นถังออกซิเจนจึงถูกลำเลียงมาวางไว้ปากรูเสาเข็ม ขณะที่สายออกซิเจนถูกโรยลงไปอยู่ก้นหลุม
เวลาผ่านไปอย่างเที่ยงตรง ตามหน้าที่ของมัน การประชุมหามาตรการ ช่วยชีวิตยังไม่ได้ข้อสรุป บางคนเสนอให้ใช้วิธีสร้างอุปกรณ์เฉพาะกิจลักษณะ คล้ายตะขอหย่อนลงไปเกี่ยวตัวเด็กขึ้นมา แต่ก็ถูกคัดค้านเมื่อเล็งเห็นถึงอันตราย ที่มีมากกว่าหากเด็กเกิดหลุดจากตะขอ แล้วหล่นลงไปกระแทกพื้นอาจถึงชีวิตได้
ในที่สุดจึงตกลงกันว่า ต้องดึงเสาเข็มท่อนแรกที่สูงประมาณ 12 เมตรขึ้นมาก่อน แม้จะมีเสียงท้วงติงว่าอาจเกิดอันตรายกับเด็ก จากดินโคลนและน้ำที่จะทะลักลงไปในรูเสาเข็ม มาตรการป้องกันต่างๆ จึงถูกกำหนดขึ้นพร้อมๆ กันเพราะดีกว่าจะปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยไม่ทำอะไร
11.00 น. รถแบ็คโฮขุดดินบริเวณรอบๆ เสาเข็มได้ลึกลงไป 3 เมตรอย่างระมัดระวัง หวังเพียงที่จะช่วยชีวิตเด็กน้อยออกมาให้ได้โดยด่วน แต่ก็เป็นเรื่องที่ยาก เพราะหากเร่งรีบจนเกินไปจะทำให้หน้าดินพังลงไปทับเด็ก ขณะที่ไทยมุงก็คอยเอาใจช่วยอย่างใจจดใจจ่อ
ขณะที่ตลอดเวลานางสมภาร ผู้เป็นแม่ผุดลุกผุดนั่ง อาการเต็มไปด้วย ความกระวนกระวาย ทั้งเสียงและน้ำตาแหบแห้งลงพร้อมๆ กัน แต่เธอก็ยังไม่สิ้นหวังเสียทีเดียว เมื่อทีมช่วยชีวิตส่งสัญญาณมาตลอดว่า ลูกน้อยของเธอยังมีชีวิตอยู่ เพราะเจ้าหน้าที่รับรู้ได้ถึงการตอบสนอง ของเด็กจากเชือกที่หย่อนลงไป
แต่แล้วภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าไทยมุงเกือบ พันคนเต็มไปด้วยความน่าเวทนาและ หดหู่ควบคู่กันไป ทุกวินาทีที่ผ่านไปดูจะเชื่องช้ากว่าที่ควรจะเป็น นางสมภารแม่ของเด็กเคราะห์ร้ายทนอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรไม่ได้เดินแหวกวงล้อมออกไปนั่งคุกเข่าที่ ศาลพระภูมิเจ้าที่ของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก สองมือที่เปรอะเปื้อนดินโคลนยกขึ้นท่วมหัว พร้อมกับบนบานศาลกล่าวอย่างคนพบที่พึ่งพิงสุดท้าย
"หากลูกของลูกช้างรอดชีวิตมาได้จะถวายพวงมาลัย 50 พวง ไข่ 50 ฟอง กล้วย 50 หวี" นี่คือสิ่งที่เธอใช้ต่อรองความเป็นความตาย ของลูกกับอำนาจเหนือธรรมชาติที่มองไม่เห็น
ถึงแม้สิ่งที่นำมาบนบานนั้นจะดูไม่มากมายนักสำหรับคนทั่วๆ ไป แต่สำหรับครอบครัวของแม่ผู้สิ้นหวังนั้นดูมากมายเสียเหลือเกิน เพราะแม้แต่ข้าวสารกรอกหม้อยังหา แทบไม่ค่อยจะได้ อย่างไรก็ตามตลอดเวลาเธอยังมีนายบุญ หรือจำปี บุญน้อย สามีคอยให้กำลังใจอยู่ข้างกาย
เมื่อเวลาผ่านไปถึง 13.30 น. รถตักดินต้องหยุดงานอย่างกะทันหัน เมื่อขุดลึกลงไปถึงรอยต่อของเสาเข็มต้นแรก ระยะ 12 เมตร เสาเข็มเริ่มโยกไปมาและทำท่าจะล้มลง นั่นหมายถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น ทีมช่วยชีวิตต้องนำสลิงมาโยงกับปั้นจั่นรั้งเสาเข็มไว้ในแนว 70 องศา แต่ไม่วายรอยแตกร้าวของเสาเข็มส่งผลให้ดินโคลนและน้ำทะลักลงไปสู่ก้นรู
บรรดาไทยมุงซึ่งส่วนใหญ่ก็คือคนที่มาร่วมงานวันทหารผ่านศึก เมื่อข่าวแพร่กระจายไปมีประชาชน ที่สนใจใคร่รู้แห่เข้ามามุงดูจำนวนมาก และเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเจ้าหน้าที่ต้องกันออกไปเพื่อการช่วยเหลือจะได้ดำเนินไปอย่างสะดวกคล่องตัว
เชือกที่หย่อนลงไปวัดระยะที่เด็กหญิงเคราะห์ร้ายติดอยู่ทำให้ทีมงานช่วยชีวิตรับรู้ได้ว่า "น้องสร้อยเพชร" ติดอยู่ที่ความลึกประมาณ 14 เมตร หรือ เลยจุดกึ่งกลางของความลึกทั้งหมด
เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ด้วยความแคบของรูและ ความลึกระดับ 14 เมตร คณะแพทย์มีความเห็นว่า หากปล่อยเวลาให้เนิ่นนานออกไปออกซิเจนในรูเสาเข็มจะค่อยๆ หมดไป นั่นหมายถึงชีวิตน้อยๆ ของเด็กวัย 1 ปี 4 เดือนก็จะจบลงตามไปด้วย ดังนั้นถังออกซิเจนจึงถูกลำเลียงมาวางไว้ปากรูเสาเข็ม ขณะที่สายออกซิเจนถูกโรยลงไปอยู่ก้นหลุม
เวลาผ่านไปอย่างเที่ยงตรง ตามหน้าที่ของมัน การประชุมหามาตรการ ช่วยชีวิตยังไม่ได้ข้อสรุป บางคนเสนอให้ใช้วิธีสร้างอุปกรณ์เฉพาะกิจลักษณะ คล้ายตะขอหย่อนลงไปเกี่ยวตัวเด็กขึ้นมา แต่ก็ถูกคัดค้านเมื่อเล็งเห็นถึงอันตราย ที่มีมากกว่าหากเด็กเกิดหลุดจากตะขอ แล้วหล่นลงไปกระแทกพื้นอาจถึงชีวิตได้
ในที่สุดจึงตกลงกันว่า ต้องดึงเสาเข็มท่อนแรกที่สูงประมาณ 12 เมตรขึ้นมาก่อน แม้จะมีเสียงท้วงติงว่าอาจเกิดอันตรายกับเด็ก จากดินโคลนและน้ำที่จะทะลักลงไปในรูเสาเข็ม มาตรการป้องกันต่างๆ จึงถูกกำหนดขึ้นพร้อมๆ กันเพราะดีกว่าจะปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยไม่ทำอะไร
11.00 น. รถแบ็คโฮขุดดินบริเวณรอบๆ เสาเข็มได้ลึกลงไป 3 เมตรอย่างระมัดระวัง หวังเพียงที่จะช่วยชีวิตเด็กน้อยออกมาให้ได้โดยด่วน แต่ก็เป็นเรื่องที่ยาก เพราะหากเร่งรีบจนเกินไปจะทำให้หน้าดินพังลงไปทับเด็ก ขณะที่ไทยมุงก็คอยเอาใจช่วยอย่างใจจดใจจ่อ
ขณะที่ตลอดเวลานางสมภาร ผู้เป็นแม่ผุดลุกผุดนั่ง อาการเต็มไปด้วย ความกระวนกระวาย ทั้งเสียงและน้ำตาแหบแห้งลงพร้อมๆ กัน แต่เธอก็ยังไม่สิ้นหวังเสียทีเดียว เมื่อทีมช่วยชีวิตส่งสัญญาณมาตลอดว่า ลูกน้อยของเธอยังมีชีวิตอยู่ เพราะเจ้าหน้าที่รับรู้ได้ถึงการตอบสนอง ของเด็กจากเชือกที่หย่อนลงไป
แต่แล้วภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าไทยมุงเกือบ พันคนเต็มไปด้วยความน่าเวทนาและ หดหู่ควบคู่กันไป ทุกวินาทีที่ผ่านไปดูจะเชื่องช้ากว่าที่ควรจะเป็น นางสมภารแม่ของเด็กเคราะห์ร้ายทนอยู่เฉยๆ โดยไม่ทำอะไรไม่ได้เดินแหวกวงล้อมออกไปนั่งคุกเข่าที่ ศาลพระภูมิเจ้าที่ของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก สองมือที่เปรอะเปื้อนดินโคลนยกขึ้นท่วมหัว พร้อมกับบนบานศาลกล่าวอย่างคนพบที่พึ่งพิงสุดท้าย
"หากลูกของลูกช้างรอดชีวิตมาได้จะถวายพวงมาลัย 50 พวง ไข่ 50 ฟอง กล้วย 50 หวี" นี่คือสิ่งที่เธอใช้ต่อรองความเป็นความตาย ของลูกกับอำนาจเหนือธรรมชาติที่มองไม่เห็น
ถึงแม้สิ่งที่นำมาบนบานนั้นจะดูไม่มากมายนักสำหรับคนทั่วๆ ไป แต่สำหรับครอบครัวของแม่ผู้สิ้นหวังนั้นดูมากมายเสียเหลือเกิน เพราะแม้แต่ข้าวสารกรอกหม้อยังหา แทบไม่ค่อยจะได้ อย่างไรก็ตามตลอดเวลาเธอยังมีนายบุญ หรือจำปี บุญน้อย สามีคอยให้กำลังใจอยู่ข้างกาย
เมื่อเวลาผ่านไปถึง 13.30 น. รถตักดินต้องหยุดงานอย่างกะทันหัน เมื่อขุดลึกลงไปถึงรอยต่อของเสาเข็มต้นแรก ระยะ 12 เมตร เสาเข็มเริ่มโยกไปมาและทำท่าจะล้มลง นั่นหมายถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น ทีมช่วยชีวิตต้องนำสลิงมาโยงกับปั้นจั่นรั้งเสาเข็มไว้ในแนว 70 องศา แต่ไม่วายรอยแตกร้าวของเสาเข็มส่งผลให้ดินโคลนและน้ำทะลักลงไปสู่ก้นรู
กดถูกใจ (Like) ติดตามข่าวสารจาก อรุณสวัสดิ์
อ่านเพิ่มเติมที่ : http://variety.teenee.com/foodforbrain/71091.html