ที่มา http://www.liekr.com/post_134689.html
ที่ประเทศซาอุ
ดิอาระเบีย ไม่มีโรงหนัง โรงละคร
หรือแม้กระทั่งสวนสาธารณะที่จะเป็นสถานที่ที่ให้ผู้ชายผู้หญิงมาพักผ่อน
หย่อนใจร่วมกัน แม้กระทั่งผู้หญิงจะเข้าธนาคาร
ยังต้องไปเฉพาะธนาคารที่เปิดขึ้นมาเพื่อสตรีโดยเฉพาะ
ร้านอาหารต่างๆก็มีโซนเฉพาะผู้ชายที่ไปนั่งคนเดียว
และโซนสำหรับผู้ที่มาเป็นครอบครัว
ผู้หญิงไม่สามารถไปทานข้าวในร้านอาหารคนเดียวได้
ร้านตัดเสื้อก็ไม่สามารถวัดตัวลูกค้าได้
มีเพียงช่องหน้าต่างเล็กๆให้ยื่นส่งผ้าและรับเสื้อผ้าที่ตัดเสร็จได้เท่า
นั้น สวนสัตว์ก็มีกฎว่าให้ผู้หญิงเข้าชมได้เฉพาะวันจันทร์ พุธ ศุกร์
ส่วนผู้ชายเข้าสวนสัตว์ได้เฉพาะวันอังคาร พฤหัส เสาร์
กฎเกณฑ์ที่แบ่งชาย-หญิงออกจากกันอย่างเข้มงวดมาแต่โบราณของประเทศซาอุดิอาระเบียยังคงจำกัดสิทธิสตรีอย่างเข้มงวดมาจนถึงปัจจุบันนี้
เมื่อปีค.ศ.1977 เกิดเรื่องราวโศกนาฏกรรมความรักของเจ้าหญิงพระองค์หนึ่งของซาอุฯที่รักกับสามัญชนจนต้องพบกับจุดจบอย่างน่าเวทนา
เจ้าหญิง Mishaal พระชนมายุ 19 พรรษา รักกับ Mulhallal หลานชายของทูตซาอุฯประจำเลบานอน
ขณะ
นั้นกษัตริย์ Khaled ทรงเป็นกษัตริย์ของซาอุฯ เจ้าหญิง Mishaal
เป็นผู้ที่ใฝ่รู้รักการเรียนจึงพยายามต่อสู้กับคำทัดทานของพระบิดาและพระ
มารดาจนสามารถไปศึกษาต่อมหาวิทยาลัยที่สหรัฐอเมริกา
แต่ไม่นึกเลยว่าเส้นทางที่เลือกเดินเพื่อไปเรียนต่อนั้น
จะทำให้เจ้าหญิงเดินไปในหนทางสู่ความตาย
ช่วงที่
เรียนหนังสือนั้น เจ้าหญิงได้รู้จักกับ Mulhallal
พระองค์รู้สึกว่าชายคนนี้วางตัวดีและเป็นคนที่มีมารยาทจึงได้เริ่มคบหาและ
พัฒนาจนกลายเป็นความรัก
จนกระทั่งเรียนจบเทอม
ทั้งสองได้เดินทางกลับซาอุฯในช่วงปิดเทอม
และลืมจารีตประเพณีของสังคมซาอุฯที่ชายหญิงห้ามอยู่ด้วยกันตามลำพัง
ความรักที่บดบังม่านประเพณีทำให้ทั้งคู่แอบนัดพบกันตามลำพังเป็นประจำเรื่อย
มาและถูกจับได้ในที่สุด
การกระทำเช่นนี้ผิดกฎหมายชารีอะห์ของอิสลามอย่างร้ายแรง
ทำให้ทั้งสองถูกฟ้องข้อหาผิดประเวณี
ทั้งคู่ตัดสินใจ
ที่จะหนีออกนอกประเทศ โดยเจ้าหญิงปลอมตัวเป็นชาย
แต่ก็ถูกจับกุมได้เนื่องจากการตรวจพาสปอร์ตที่ท่าเรือ ตามกฎหมายอิสลาม
ความผิดฐานผิดประเวณี ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงมาก ต้องมีผู้ชาย 4
คนมาเป็นพยานยืนยันว่ากระทำผิดจริง หรือยอมรับสารภาพในชั้นศาลด้วยตนเอง
จึงจะตัดสินได้ว่ากระทำผิดจริง
การกระทำความผิดฐานผิดประเวณีจะต้องถูกลงโทษด้วยการให้ประชาชนมาปาหินใส่จนตาย
เนื่องจากการนัดพบแบบลับๆของเจ้าหญิงกับ Mulhallal ไม่มีใครมาเป็นพยานชี้ความผิดของทั้งคู่ได้ ครอบครัวของเจ้าหญิงจึงบอกให้เจ้าหญิงอย่ารับสารภาพเด็ดขาด และต้องสัญญาว่าจะไม่พบหน้า Mulhallal อีกตลอดชีวิตเพื่อพ้นจากความผิดนี้ไปได้ แต่เจ้าหญิงกลับไม่ยอมทำตาม และเลือกที่จะรับสารภาพในศาลด้วยการตะโกนว่า "ฉันทำผิดประเวณี" 3 ครั้ง ศาลจึงสั่งประหารชีวิตเจ้าหญิงความตายของเจ้าหญิงกับคนรัก ไม่มีสื่อมวลชนรายงานนำเสนอข่าว แต่ว่ากันว่าเพชฌฆาตทำการประหารเจ้าหญิงด้วยการกระหน่ำยิงปืนเข้าที่ศีรษะ ส่วนชายคนรักถูกประหารด้วยการตัดคอ
หลังจากเหตุการณ์ประหารทั้งคู่
กษัตริย์ซาอุฯจึงประกาศกฎของประเทศขึ้นมาใหม่ 2 ข้อ 1.
ห้ามผู้หญิงซาอุฯไปเรียนต่างประเทศ 2. ห้ามผู้หญิงซาอุฯเดินทางไปต่างประเทศ
ถ้าไม่มีคนในครอบครัวที่เป็นผู้ชายไปด้วย
และโศก
นาฏกรรมความรักของเจ้าหญิงซาอุฯกับสามัญชนนี้ก็ได้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์
สารคดีโดย Antony Thomas โปรดิวเซอร์ชาวอังกฤษ แต่อย่างไรก็ตาม
ถึงแม้กาลเวลาจะผ่านไปนานกว่า 30 ปีแล้ว
ประเทศซาอุดิอาระเบียก็ยังคงปิดกั้นสิทธิสตรีเช่นเดิม
ความตายของทั้งคู่ไม่ได้นำพาความหวังในการเปิดกว้างทางสังคมมากขึ้นแต่อย่าง
ใด...
เฮ้อ...ฟังเรื่องนี้แล้ว
ก็รู้สึกโชคดีจริงๆที่เกิดมาเป็นคนไทย
เพราะเมืองไทยเราเปิดกว้างให้ผู้หญิงและเพศที่สามมีสิทธิเสรีภาพเยอะกว่า
ประเทศไหนๆ จริงไหมเพื่อนๆ
กดถูกใจ (Like) ติดตามข่าวสารจาก อรุณสวัสดิ์