Before-After วิ่งทะลุฟ้า ฟัดทะลุไขมัน อะโช๊ะๆๆๆๆ (แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนัก 19 กิโล)

ตุ่ง ตุง ตุ๊ง!!!
     สวัสดีค่ะ ชื่อแพรวนะคะ อายุ21ปี สูง 153 ซม. ค่ะ หนักสุด  72 กก.ค่ะ แพรวอยากตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา เพราะว่าอยากบอกเล่าประสบการณ์ของตัวเอง เกี่ยวกับการลดน้ำหนักที่ผ่านมาค่ะ






        เริ่มจากเป็นคนชอบกินตั้งแต่เด็กๆแล้วค่ะ  เอะอะก็กินๆ เริ่มคิดจะลดน้ำหนักครั้งแรกตอนม.ปลาย จริงๆก็คิดตั้งนานแล้วค่ะ ตั้งแต่ม.1นู้นนน พูดอยู่ทุกวัน ว่าพรุ่งนี้จะลดๆๆ แต่ก็ผลัดไปเรื่อยๆจนทำไม่สำเร็จสักที  จนมาตอนมอปลายตอนนั้นน้ำหนักประมาณ60-63 แล้วบังเอิญดันไปแอบชอบรุ่นพี่ 5555 เขิลลลล เลยคิดจะลดน้ำหนักค่ะ ตอนนั้นหนังเรื่องสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก กำลังดังค่ะ ไปดูมาแล้ว อินมาก มโนว่าตัวเองเป็นน้องน้ำ(ปลา) กับพี่โชน(พระเอกนางเอกอะ) ฮ่าๆๆๆ  ก็เริ่มลดโดยการคุมแคลอรี่วันละ 700 แคลอรี่ ตอนเช้ากินไข่ต้มสองฟอง ตอนเที่ยงกินข้าวปกติ แต่ไม่กินของทอดไม่กินมัน ตอนเย็นกินผลไม้ ไม่ได้ออกกำลังกาย  ทำไปได้ยี่สิบกว่าวัน ยังไม่ครบเดือนเลยค่ะ น้ำหนักลดไป5กิโล ตอนนั้นสังเกตตัวเองว่าหงุดหงิดง่ายมาก อารมณ์ไม่ค่อยดี ถึงดูผอมลงนิดนึง แต่เสียสุขภาพจิตค่ะ นี่เป็นการลดที่ผิดวิธี

        จนสุดท้ายวันนั้น….  วันที่เลิกเรียนมาแล้วหิวมากๆๆๆๆๆ มองไปที่ร้านผลไม้  ข้างๆผลไม้หันไปเห็นลูกชิ้นทอด มันกำลังเด้งดึ๋งๆ ตีโป่งอยู่ในกระทะ  ทันใดนั้นลูกชิ้นมันก็สบตาเรา แล้วบอกเราว่า กินชั้นสิๆ  กินเลย  ชั้นอร่อยมากนะ วินาทีนั้น ลืมหน้าพี่โชนไปเลยค่ะ เห็นแต่หน้าพี่ชิ้น  รู้ตัวอีกที เหลือแต่ไม้เสียบแล้วค่ะ ฮ่าๆ ทำไงได้ เราก็ไม่ยอมหรอก ลูกชิ้นมันท้า เราเลยจัดไป จัดไปสี่ไม้เลยค่ะ หึหึ  ตั้งแต่ตอนนั้น ธาตุไฟเข้าแทรก ขาดสติ กินจนน้ำหนักเด้งกลับมา 63 กิโลอีกครั้ง ไปจน 66 กิโล หลุดวงโคจรของการลดน้ำหนักไปแล้วค่ะ  แบบนี้แน่เลย ที่เค้าเรียกกันว่า โยโย่เอฟเฟค
รูปนี้ตอนมอหก น้ำหนัก66+ กิโลค่ะ

 จากนั้นจน มาขึ้นมหาลัย ก็กินๆๆๆๆ ตอนแรกๆยังปรับตัวไม่ค่อยได้ เบื่อๆเซ็งๆ ก็กินอีกค่ะ เรามีความสุขกับการกินมากๆๆๆ กินจน น้ำหนักพุ่งไป 72 ค่ะ ก็คิดจะลดนะคะ คิดอยู่ตลอดแหละ แต่มันทำไม่ได้ แหะๆ








รูปนี้ตอนปี 1 –2นะคะ น้ำหนักอยู่ที่ 70-72 พออ้วนขึ้นแล้วโทรมขึ้นด้วยค่ะ 
ทั้งๆที่ปกติเราก็สวยหยั่งกะญาญ่า



ประมาณปลายปี 56 หนัก 72 กิโล เป็นจุดที่(น้ำหนัก)สูงสุดในชีวิตแล้วค่ะ

       จนเราก็ดำเนินชีวิตมาเรื่อยๆ แต่รู้สึกว่าชีวิตช่วงนั้น อะไรๆมันก็แย่ไปหมดค่ะ เริ่มจากหนักสุดเพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นโรคPcos แล้วหนึ่งในวิธีรักษาก็คือต้องลดน้ำหนักด้วย  จิตตกแล้วค่ะ เริ่มกลัวตาย เสื้อผ้าก็เริ่มอึดอัด(เพิ่งรู้สึกเหรอเนี่ย)  ไปเรียนกระโปรงพลีทมันก็ตึงมากๆๆ  รอบเอวมันเป็นชั้นๆ จนบางวันเราก็ได้ยิน กระโปรงมันกระซิบกับเราว่า... หยุดกินเถอะ!! ฉันยืดไม่ไหวอีกแล้วนะ เราสงสารกระโปรงพลีทค่ะ เลยลองทำตามคำขอของมัน เริ่มจากงดกินข้าวเที่ยงกับขนม ใจมันก็อยากกินนะคะแต่กินไม่ลง มันอึดอัด จนน้ำหนักลดลงเหลือประมาณ 67 กิโล  มันก็ไม่ลงไปมากกว่านี้แล้ว แต่ตอนนั้นกำลังใจเริ่มมา เราคิดว่าต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้มันลดลงอย่างต่อเนื่อง ก็เริ่มหาเวลาไปออกกำลังกายที่สวนเบญ รองเท้าวิ่งที่ซื้อไว้ตั้งแต่ปีที่แล้ว  ได้เอาออกมาใช้สักที555  
         
         วันแรกที่ออกไปวิ่ง จำความรู้สึกตอนนั้นได้ดี  มันเหนื่อยมาก เหนื่อยใจที่ต้องฝืนทำอะไรที่เราไม่ชอบ เกลียดการวิ่งมากๆ  แต่ก็คิดว่า.. ถ้าเราไม่ออกกำลังกาย เราก็จะอ้วนอยู่แบบนี้  เราก็จะติดกับดักของตัวเอง  อ้วน> เครียด> กิน> อ้วน> เครียด> กิน>อ้วน นี่ไง ผลลัพธ์สุดท้ายของการกิน มันใช่ความสุขซะที่ไหน ถ้าเราออกจากวงโคจรนี้ไม่ได้  เราก็จะอยู่ในสภาพนี้ตลอดไป ก็เลยวิ่งไป วิ่งไป วิ่งไป  จู่ๆน้ำตาก็ไหล  อายคน แต่มันไม่ไหวจริงๆค่ะ มันเป็นความอึดอัดในใจมากๆ บรรยายไม่เป็น  แต่ถ้าใครเคยมีโมเม้นนี้ จะเข้าใจเอง มันต้องฝืนวิ่ง เพราะมันไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว กลัวตายด้วย  แต่ตอนนั้นวิ่งต่อไม่ได้แล้ว  เลยมานั่งสงบสติอารมณ์  แล้วก็เดินสำรวจรอบสวนเบญ จนไปเจอ!!เจอ !!เจอ!! เจอคนเต้นแอโรบิคค่ะ ผ่างงง!!!! ในที่สุดก็พบทางออก น้ำตาจะไหลอีกครั้ง ดีใจมากๆๆ เลยลองเต้นแอโรบิค เพราะมันสนุกกว่าวิ่งมากๆค่ะ ได้ออกเสต็ปด้วย ชอบตรงนี้55 ก็ทำมาเรื่อยๆจนน้ำหนักอยู่ที่ 62-63 ค่ะ  

         หลังจากนั้นก็ปิดเทอม  เป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ กลับบ้านนอกแป้บ  พออยู่บ้านก็ไม่ได้แอโรบิคแล้วค่ะ วิ่งบ้าง ตอนนี้เริ่มวิ่งได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ชอบค่ะ ส่วนมากกระโดดเชือกวันละ สามสิบนาทีขึ้นไป เปิดเพลงฟังไปด้วย เลือกเพลงที่มันเร้าใจ จังหวะมันส์ๆๆ  Bigass,silly fools อะไรก็ว่าไป เราชอบเปิดเสียงดังๆค่ะ เปิดให้หมาเห่าไปเลย เราว่าสะใจดี คึกคักทั้งคนทั้งหมา55 บางเพลงก็ทำให้มีกำลังใจ 
         เรื่องการกิน ตอนปิดเทอมเราทำกับข้าวกินเองค่ะ ที่จริงก็ทำเผื่อทุกคนในบ้านด้วยนะคะ แต่ไม่มีใครกินของเราเลย55 เรากินสามมื้อหลัก ไม่กินขนม กินข้าวกินผัก ไม่ทอด ไม่มัน ผัดกับน้ำแทนน้ำมัน ปลาก็อบเอา ส่วนมากกินปลาทูค่ะ มันง่ายดี อบแล้วกินได้เลย คุมแคลลอรี่วันละ 1300 แคลอรี่ กะเอาคร่าวๆ  จริงๆก็มีหลุดบ้างค่ะ  
            ปิดเทอมผ่านไป  ก็ลดลงมาจนถึง 56 ค่ะเราลดช้ามากค่ะ ถ้าคนที่มีวินัยกว่านี้ก็น่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่ถ้าคนที่สร้างกล้ามเนื้อไปด้วยก็ไม่ต้องโฟกัสที่ตัวเลขมาก เพราะกล้ามมันหนักกว่าไขมันอยู่แล้ว เปิดเทอม ก็พยายามลดต่อแต่มันลดช้าลงมาก มันยากขึ้นอีกแล้ววว ที่ลดมาทั้งหมดเราไม่ได้สร้างกล้ามเนื้อเลยค่ะ ตอนนั้นกลัวล่ำค่ะ ตอนนี้รู้แล้ว ว่าไม่ฉลาดเลยที่คิดแบบนั้น กล้ามเนื้อมันขึ้นยาก(โดยเฉพาะผู้หญิง) คิดแล้วก็โมโหตัวเองนิดๆที่ไม่ยอมทำ  ปัจจุบันนี้หนัก 53 กิโล สัดส่วน 35-27-38 กำลังเวทเพื่อสร้างกล้ามเนื้อไปพร้อมๆกับคาร์ดิโอค่ะ และทำตาม 6week6pack level1 ของเทรนเนอร์จิลเลียนค่ะ  เป้าหมายคือ43 และอยากมีซิคแพค โฮะๆรู้เลยว่ายากอะ แต่เราอยากทำให้ได้ ถึงตอนนี้จะยังไม่ผอมนะคะ แต่ก็อยากมาบอกเล่าประสบการณ์เก็บไว้  บางเรื่องก็พลาด ลองผิดลองถูก ไม่อยากให้คนอื่นพลาดด้วยค่ะ







เรื่องอาหารตอนนี้ ไม่อยากยึดติดกับเรื่องรสชาติมาก(นี่คือข้ออ้างของคนที่ทำอาหารไม่อร่อย555) เมนูต่างๆก็ประยุกต์วัตถุดิบค่ะ เช่นข้าวมันไก่ เปลี่ยนเป็นใช้ข้าวกล้อง หุงแบบไม่ใส่น้ำมัน ใช้อกไก่ ส่วนมากเราลองทำไปเรื่อยๆ ดูไปตามเพจหลายๆเพจ เห็นมีเมนูน่าสนใจเยอะแยะหรือไม่ก็ครีเอทเมนูขึ้นมาเอง หลายครั้งก็กินไม่ได้555 แต่สนุกดีค่ะ

กดถูกใจ (Like) ​ติดตามข่าวสารจาก อรุณสวัสดิ์




ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก pantip.com/topic/32900047
Previous
Next Post »