คุณแม่ยังสาวอุ้มลูกเข้าห้องสอบ
เปิดใจหลังรูปถูกแชร์ทั่วเน็ต เผยไม่อยากทิ้งโอกาสทางการศึกษา
แต่ต้องพาลูกเข้าสอบด้วยเพราะไม่มีใครดูแล
เชื่อไม่มีใครเลี้ยงลูกได้ดีเท่าตัวเอง
สืบ เนื่องจากกรณีโลกโซเชียลมีการแชร์ต่อภาพ คุณแม่ยังสาวอุ้มลูกเข้าห้องสอบ โดยเป็นภาพของคุณแม่ยังสาวคนหนึ่งกำลังนั่งทำข้อสอบในขณะที่มือข้างหนึ่ง อุ้มลูกน้อยแนบอก พร้อมระบุว่าลูกน้อยมาสอบกับแม่ตั้งแต่อยู่ในท้องจนจะหนึ่งขวบแล้ว เป็นความลำบากที่ภูมิใจ จนเป็นที่ชื่นชมของชาวเน็ตว่าเธอช่างทำหน้าที่ของคนเป็นแม่ได้อย่างดีเยี่ยม แถมไม่ยอมแพ้หรือทอดทิ้งโอกาสทางการศึกษาไปด้วยนั้น
ล่า สุดวันนี้ (12 มีนาคม 2558) รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ทางช่อง 3 ได้มีรายงานคำสัมภาษณ์จาก คุณปฏิมาพร หงษ์ทอง อายุ 20 ปี คุณแม่ในภาพดังกล่าว ซึ่งเปิดเผยว่า ภาพดังกล่าวเป็นภาพที่เพื่อนถ่ายไว้เป็นที่ระลึก ในวันสอบครั้งสุดท้ายของชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ศูนย์บริการศึกษานอกโรงเรียน เขตสาธร โดยสาเหตุที่เพื่อนถ่ายไว้เพราะที่ผ่านมาเธอพาลูกไปเข้าสอบด้วยเสมอตั้งแต่ ลูกอยู่ในท้อง มาจนถึงวันสอบครั้งสุดท้ายก็ยังพาลูกมาสอบด้วยจึงถ่ายไว้เป็นที่ระลึก ก่อนส่งรูปมาให้
แม้ ในเวลาที่ยากลำบาก แม่ สามารถ ดูแล เด็ก ๆ
ทั้งนี้คุณปฏิมาพรยืนยันว่า ที่ต้องพาลูกมาสอบด้วยนั้นเป็นเพราะไม่มีใครดูแลลูก เนื่องจากวันสอบมักจะตรงกับวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันที่แม่ของเธอต้องออกไปขายของ แถมสามีก็ยังติดราชการทหารในค่าย ทำให้ไม่มีใครดูแลลูก เธอจำต้องนำลูกไปเข้าสอบด้วยดังที่เห็น ซึ่งเธอก็ได้ขออนุญาตอาจารย์อย่างถูกต้องแล้วก่อนนำลูกเข้าไปสอบ
ส่วน สาเหตุที่ไม่นำลูกไปฝากให้คนอื่นเลี้ยงนั้น เป็นเพราะเธอเชื่อว่าไม่มีใครสามารถเลี้ยงลูกได้ดีเท่าเธอและคนในครอบครัว อีกทั้งในอดีตเธอได้เคยพาลูกไปฝากที่สถานรับเลี้ยงเด็ก แต่เมื่อรับลูกกลับบ้านก็ปรากฏว่าลูกมีรอยเขียวช้ำเหมือนถูกหยิกตามร่างกาย หลังจากนั้นเธอจึงไม่ไว้วางใจให้ใครดูแลลูกให้อีกเลย
ทั้งนี้คุณปฏิมาพรยืนยันว่า
ที่ต้องพาลูกมาสอบด้วยนั้นเป็นเพราะไม่มีใครดูแลลูก
เนื่องจากวันสอบมักจะตรงกับวันเสาร์
ซึ่งเป็นวันที่แม่ของเธอต้องออกไปขายของ แถมสามีก็ยังติดราชการทหารในค่าย
ทำให้ไม่มีใครดูแลลูก เธอจำต้องนำลูกไปเข้าสอบด้วยดังที่เห็น
ซึ่งเธอก็ได้ขออนุญาตอาจารย์อย่างถูกต้องแล้วก่อนนำลูกเข้าไปสอบ
ส่วน
สาเหตุที่ไม่นำลูกไปฝากให้คนอื่นเลี้ยงนั้น
เป็นเพราะเธอเชื่อว่าไม่มีใครสามารถเลี้ยงลูกได้ดีเท่าเธอและคนในครอบครัว
อีกทั้งในอดีตเธอได้เคยพาลูกไปฝากที่สถานรับเลี้ยงเด็ก
แต่เมื่อรับลูกกลับบ้านก็ปรากฏว่าลูกมีรอยเขียวช้ำเหมือนถูกหยิกตามร่างกาย
หลังจากนั้นเธอจึงไม่ไว้วางใจให้ใครดูแลลูกให้อีกเลย
ขณะที่สามีของเธอก็ยอมรับว่า
เขาติดราชการทหาร
กลับบ้านได้ในวันอาทิตย์ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างให้กับครอบครัว
อย่างไรก็ตามเขาอยากให้ภรรยาได้เรียน ไม่อยากให้ทิ้งด้านการเรียนไป
เพราะมองว่าการมีลูกนั้นไม่ใช่ปัญหาหรือเป็นสาเหตุให้ต้องหยุดเรียนแต่อย่าง
ไร