ชายกลุ่มหนึ่ง เกิดมีเรื่องเขม่นกันกับกลุ่มชายหญิง ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นคนสนิทนักการเมือง จึงตรงเข้าไปและใช้อาวุธปืนปลอมขึ้นมาขู่ ก่อนจะกลับมาที่รถเพื่อขับหนี แต่ไม่พ้นถูกยิงสวน 9 นัด ไปเสียชีวิตที่ รพ.
สืบเนื่องจาก เวลา 00.30 น. วันที่ 10 พ.ค. 58 ร.ต.ท.ยงยุทธ พลซา ร้อยเวร สภ.วังสะพุง รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณดังกล่าว ทำให้ผู้บาดเจ็บถูกยิงด้วยอาวุธปืน จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นได้ประสานไปยัง แพทย์ รพ.วังสะพุง อาสาสมัครมูลนิธิสว่างคีรีธรรม จุดวังสะพุง เดินทางไปยังที่เกิดเหตุ เพื่อสอบสวน
ที่เกิดเหตุรถกู้ชีพได้นำผู้บาดเจ็บจากการถูกยิงส่ง รพ.เลย เนื่องจากถูกยิงเข้าที่อวัยวะสำคัญ และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา ทราบชื่อ นายพงษ์สิทธิ์ โพธิ์บุญเรือง อายุ 20 ปี เลขที่ 333/3 หมู่ 2 ต.ประจันตคาม อ.ประจันตคาม จ.ปราจีนบุรี ถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด 9 มม. บริเวณอกด้านขวาทะลุอกด้านซ้ายอาการสาหัส ตรวจสอบที่เกิดเหตุพบรถเก๋ง เป็นของนายแพทย์ภานุพงษ์ แก้วไชยะ แพทย์ประจำ รพ.วังสะพุง จอดอยู่ริมถนน ถูกยิงด้วยที่ข้างประตูด้านคนขับจำนวน 6 นัด พร้อมปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม. ตกกระจายเต็มพื้นถนนเก็บได้จำนวน 6 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวน ทราบว่า เวลาดังกล่าวมีกลุ่มชายหญิงราว 6 คน นั่งรถเก๋ง 2 คัน ไม่ทราบยี่ห้อ คันหนึ่งสีขาว คันหนึ่งสีบรอนซ์เงิน มาจอดที่หน้าห้างสรรพสินค้า ไม่นานรถเก๋งฮอนด้าแจ๊ซ สีดำ วิ่งตามมา แล้วเลี้ยววกกลับมาจอดฝั่งตรงข้าม จากนั้นผู้ตายซึ่งเป็นคนขับ โดยมีนายแพทย์ภานุพงษ์ แก้วไชยะ นั่งมาด้วยด้านซ้ายมือ ผู้ตายได้ลงจากรถเดินตรงเข้าไปต่อว่ากลุ่มชายหญิง พร้อมกับชักปืนปลอมออกมาขู่ แล้ววิ่งกลับมายังรถเพื่อขับรถหนี ขณะขึ้นนั่งรถ ชายกลางคนในกลุ่มขัดแย้ง ได้ชักปืนกระหน่ำยิงมายังรถ ผู้ตายเปิดประตูรถวิ่งหนีหลบกระสุน ไปล้มฟุบที่หน้าร้านขายยาฝั่งตรงข้าม ไปเสียชีวิตที่ รพ.เลย
ร.ต.ท.ยงยุทธ เผยว่า ผู้ตายเป็นนักวอลเลย์บอลมาแข่งกีฬาที่จังหวัดเลย หลังจบการแข่งขันได้เดินทางมาฉลองกันที่ร้านอาหารบริเวณสี่แยกหลังเทศบาล เมืองวังสะพุง โดยมาพร้อมกับนายพิพัฒน์ชัย แก้วไชยะ เจ้าของรถ และเพื่อนอีกหนึ่งไม่ทราบชื่อ เกิดเขม่นและวิวาทกับกลุ่มชายหญิงที่กินอยู่ก่อนแล้ว หนึ่งในกลุ่มนั้นเป็นคนสนิทของนักการเมืองที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลใน อำเภอวังสะพุง โดยมีพลเมืองดีโทรแจ้ง 191 ไปเพื่อระงับเหตุ พอเดินทางไปถึงกลับไม่พบ และไม่นานได้รับแจ้งว่ามีเหตุยิงกันจาก 2 กลุ่มดังกล่าว ซึ่งจากหลักฐาน และพยานในที่เกิดเหตุทราบตัวแล้ว กำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อเรียกตัวมาให้ปากคำ ถ้าไม่มาจะออกหมายจับต่อไป และยืนยันว่าไม่กลัวอิทธิพลแต่อย่างใด
ที่มา : http://hot.ohozaa.com/hot-5-15-172965