ผู้สื่อข่าวงานว่า ภายในตลาดสดเทศบาลเมืองระนอง เกิดเหตุฮือฮาขึ้นเมื่อนายวิจิตร แพ่งอุทัย อายุ 71 ปี อยู่บ้านเลขที่ 216/60 หมู่ 4 ต.บางริ้น อ.เมืองระนอง จ.ระนอง เข้ามารับประทานข้าวต้มและดื่มกาแฟ เมื่อกินเสร็จก็นำธนบัตรใบละ 500 บาท ซึ่งมีเพียงฉบับเดียวออกมาจ่ายเป็นค่าอาหารและเครื่องดื่ม แต่แม่ค้าไม่ยอมรับเงิน โดยให้เหตุผลว่าเป็นแบงก์ ปลอม เพราะด้านหน้าที่มีภาพพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แถบฟอยล์ 3 มิติ สีบอนด์เงิน ที่ภายในแถบมีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ที่ผนึกบนเนื้อกระดาษหายไปทั้งแถบ เหลือแต่เพียงแถบสีขาวเท่านั้น
นายวิจิตร กล่าวว่า ได้รับธนบัตรใบละ 500 บาท ฉบับนี้มาจากพนักงานชาวเมียนมาที่เติมน้ำมันที่ปั๊ม ตนมีเพียงแค่ใบเดียวนี้พอจะจ่ายค่าข้าวต้ม แต่แม่ค้าไม่รับเงิน นึกว่าเป็นของปลอม เพราะใบนี้มีแต่แถบสีขาว ซึ่งผมจะไปที่ธนาคารเพื่อไปแลกเงิน หากธนาคารว่าเป็นแบงก์ปลอม ผมก็จะไม่เอาไว้ ก่อนจะเดินทางไปตรวจสอบธนบัตรที่ธนาคาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้นประมาณ 15 นาที นายวิจิตรกลับมาพบกับผู้สื่อข่าว ที่หน้าตลาดสดเทศบาลเมืองระนอง พร้อมโชว์ธนบัตรใบละร้อยและใบห้าสิบบาทให้ดู โดยกล่าวว่า ธนาคารบอกว่าแบงก์ 500 ดังกล่าวเป็นของจริง และให้แลกเงินมา เพื่อนำไปจ่ายค่าอาหารที่ค้างอยู่
ผู้สื่อข่าวจึงเดินทางไปที่ ธนาคารกรุงไทย สาขาระนอง พบกับนายภาณุวัตร ดาราวลี รองผู้จัดการธนาคารฝ่ายบริการลูกค้า ซึ่งได้รับการยืนยันว่า มีคุณลุงนำธนบัตรที่ชำรุด เนื่องจากการผิดพลาดของการพิมพ์จากธนาคารแห่งประเทศไทยจริง ไม่ใช่ธนบัตรปลอม โดยธนบัตรที่ชำรุดมีหมายเลขธนบัตรกำกับตัวเลขไทยด้านมุมขวา 7ก 8352778 และตัวเลขอาราบิกกำกับด้านล่าง 7A 8352778 และแถบฟอยล์ 3 มิติ สีบอนด์เงิน ที่ภายในแถบซึ่งมีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 ที่ผนึกบนเนื้อกระดาษหายไปทั้งแถบ และน่าจะเป็นเพียงฉบับเดียวเท่านั้นจากล้านๆ ฉบับ ที่ผิดพลาดในการพิมพ์ และออกมาจำหน่ายใช้จ่ายหมุนเวียนในท้องตลาด ซึ่งสามารถตรวจสอบลายน้ำพระบรมฉายาสาทิสลักษณ์และตัวเลข 5000 มีความโปร่งแสงเป็นพิเศษ
มองเห็นได้ชัดเจนทั้งสองด้านเมื่อยกส่องกับแสงสว่าง และหากธนบัตรฉบับนี้ไปอยู่ในหมู่นักสะสม จะมีราคาหลายสิบเท่าอย่างแน่นอน ซึ่งเบื้องต้น จะเก็บธนบัตรฉบับนี้ไว้ก่อน รอทางธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานใหญ่จะเรียกเก็บคืนเพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกต่อไป
เครดิตข่าว : bigza
กดถูกใจ (Like) ติดตามข่าวสารจาก อรุณสวัสดิ์