เกิดเป็นประเด็นให้เข้าใจกันผิดๆ อีกแล้วในโลกโซเชียล เมื่อมีภาพข้อความที่แชร์กันระบุว่า "ห้ามดื่มน้ำอัดลม+นม เด็ดขาด เพราะกรดในน้ำอัดลมจะทำปฏิกิริยากับแคลเซียมในนม ทำให้แปรสภาพเป็นหินปูน ซึ่งกลายเป็นสารตกค้างคอยเกาะกระเพาะลำไส้ ทำให้ปวดท้องและอันตรายต่อสุขภาพอย่างมาก" หลังจากที่ข้อความนี้ได้แชร์ออกไปทำให้ชาวโซเชียลตื่นตระหนกกันมาก
ล่าสุด ผศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว Jessada Denduangboripant อธิบายถึงเรื่องดังกล่าวว่า ข้อความที่อยู่ในภาพทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด เพราะเมื่อกินนมผสมโคล่าหรือน้ำอัดลมมันแค่มีปฏิกิริยาโปรตีนตกตะกอนใน สภาพกรดเท่านั้น และน้ำอัดลมไม่ได้ไปทำลายแคลเซียมในน้ำนม ทั้งนี้ได้อธิบายว่า หลายคนที่ได้ดูคลิปการทดลองเอาน้ำนมใส่ลงไปในน้ำอัดลม ทิ้งไว้นานๆ แลวเกิดเป็นตะกอน ค่อยๆ จมลงไปกองกับพื้นขวด ที่แท้มันคือโปรตีนในนมนั่นเอง ซึ่งเป็นธรรมดาที่โปรตีนมาเจอกับกรด
ขอบคุณคลิปวิดีโอจาก Arisman Sen
นอกจากนี้ ผศ.ดร.เจษฎาได้ยกตัวอย่างว่า กรณีกรดฟอสฟอริกและกรดคาร์บอนิกในโคล่า หรือแม้แต่น้ำส้มน้ำมะนาว โปรตีนในน้ำนมก็จะเสียสภาพ denature เกิดเป็นก้อนนม curd แยกตัวจากน้ำ ส่วนสีดำๆ ก็มาจากสีของโคล่า ซึ่งทำจากคาราเมล น้ำตาลไหม้ ไม่ได้อันตรายอะไร สุดท้ายหากใครดื่มนมผสมโคลาหรือกระทิงแล้วปวดท้อง ก็เกิดจากก้อนนมพวกนี้ และขึ้นอยู่กับการย่อยของแต่ละคน
กดถูกใจ (Like) ติดตามข่าวสารจาก อรุณสวัสดิ์
ที่มา :thairath